Can't find topic? find here

Adsense

Thursday, August 27, 2009

ประวัติการเล่นแร่แปรธาตุ


ประวัติของวิชาเล่นแร่แปรธาตุ

นักเล่นแร่แปรธาตุคือ

ถ้า จะจำกัดความคำว่านักเล่นแร่แปรธาตุแล้วล่ะก็คงต้องบอกว่าพวกเค้าคือ นักวิทยาศาสตร์+พ่อมด นั่นเองล่ะครับ เพราะสิ่งที่เค้าศึกศึกษาก็คือกฎของธรรมชาติว่าด้วย

ความเป็นไปตามธรรมชาติ


แต่ จะต่างกับนักวิทยาศาตร์ยุคนี้ ก็คือพวกเค้าศึกษาและค้นคว้ากฏการต้านธรรมชาติด้วย เช่น การสร้างสิ่งมีชีวิตจากสิ่งไร้ชีวิต การไม่แก่ไม่ตาย การเปลี่ยนสสารให้กลายเป็นทอง ฯลฯ


ซึ่ง บางครั้งก็มีหลักบ้างไม่มีหลักบ้างตามแต่วิธีของตน ทว่าสิ่งเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุค้นพบก็ไม่ใช่จะเป็นแค่นิยายหลายอย่างเราก็ ยังคงสืบทอดผลงานของพวกเค้าอยู่ เช่น ดินปืนที่นักแปรธาตุชาวจีนค้นพบ หรือแม้แต่มอร์ต้าหรือปูนฉาบที่พระอียิปต์ค้นพบเมื่อ4000ปีก่อนเราก็ยังใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้

ชื่อนี้มีที่มาอย่างไร เชิญดูต่อ ณ

http://benkyoshin.blogspot.com/2009/08/blog-post.html

Wednesday, August 26, 2009

นายพลในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เจ้าชาย คังอิง โคโตฮิโต

เจ้าชาย คังอิง โคโตฮิโต (閑院宮載仁親王, Kan'in-no-miya Kotohito Shinnō , 10 พฤศจิกายน, 1865 – 21 พฤษภาคม, 1945),
เจ้าชาย คังอิง โคโตฮิโต
10 พฤศจิกายน, 1865 – 21 พฤษภาคม, 1945(พระชนมายุ 79 ปี)

เจ้าชาย คังอิง โคโตฮิโต
ทรงพระราชสมภพ
Kyoto, Japan
เสด็จสวรรณคต
Odawara, Kanagawa, Japan
ทรงงาน
จักรวรรดิญี่ปุ่น
ทรงพระราชกรณียกิจ
Imperial Japanese Army
ระยะเวลาที่ทรงพระราชกรณียกิจ
1881–1940
ตำแหน่ง
นายทหารกองทัพบก
สมรภูมิ
First Sino-Japanese War
Russo-Japanese War
รางวัล
Order of Merit
Order of the Golden Kite (2nd Class)
Supreme เหรียญดอกเบญจมาศ


ชีวิตในวัยพระเยาว

เจ้าชายโคโตฮิโตะ ทรงพระประสูติในเกียวโต ในวันที่ 10 พฤศจิืกายน 1865 เป็นพระราชกุมารคนที่ 16 ของเจ้าชายฟุจิมิ คุนนิเอะ (1802–1875). พระราชบิดาของเขาเป็นหัวหน้ารุ่นที่ 20 ของแคว้นฟุจิมิ 1ใน4ของผู้ปกครองแคว้น จักรพรรดิ โคเม ซึ่งเป็นพระราชบิดาของจักรพรรดิเมจิ เจ้าชายโคโตฮิโตะนั้นเป็นหนึ่งในผู้สืบเชื้อสายหรือพระรัชทายาท. พระองค์มีสักเป็นพี่ชาย(หรือน้องชาย)ของจักรพรรดิเมจิ and a great uncle to both Emperor Shōwa และพระมเหสีของพระองค์ทรงพระนามว่าพระจักรพรรดินี โคจุน



พระราชสมภพ และ พระรัชทายาท

ในวันที่ 19 พฤศจิกายน, 1891, Prince Kotohiko ทรงอภิเษกสมรสกับ Sanjō Chieko (30 มหราคม 1872 – 19 มกราคม 1947),พระราชกุมารีของพระเจ้าฟ้าชายชื่อ Sanjō Sanetomi. มีพระโอรส 7 พระองค์: พระราชกุมารี 5 คนและพระราชกุมาร 2 พระองค์

เจ้าชายคังอิง อัตสุฮิโต (篤仁王, Atsuhito-ō 1894–1894)

เจ้าหญิง คังอิง ยูกิโกะ (恭子女王, Yukiko Joō, 1896–1992)

เจ้าหญิง คังอิง ชิเกโกะ (茂子女王, Shigeko Joō, 1897–1991)

เจ้าหญิง คังอิง สุเอโกะ (季子女王, Sueko Joō, 1898–1914)

เจ้าชาย คังอิง
ฮารุฮิโต ( 閑院宮春仁王, Kan’in-no-miya Haruhito-ō, 1902–1988)


เจ้าหญิง คังอิง ฮิโรโกะ (寛子女王, Hiroko Joō, 1906–1923)

เจ้าหญิง คังอิง ฮาราโกะ ( 華子女王, Hanako Joō, 1909–2003)


ทรงพระสมรภูมิ

ทรงเข้าเรียนในโรงเรียน Imperial Japanese Army ในปี 1877 และสำเร็จการศึกษาในปี 1881. จักรพรรดิเมจิส่งพระองค์ไปที่ฝรั่งเศสในฐานะ ผู้สำเร็จราชการแทนในปี 1882 เพื่อเรียนวิธีจัดทัพและเทคโนโลยี พระองค์ทรงได้รับในประกาศจาก วิทยาเขตนายทหารในปี 1894 ทรงถนัดในสายทหารม้า
 File:HIH Prince Kan'in Kotohito with Princess Yukiko and Prince Haruhito.jpg

ทรงงานการเมือง

ในปี 1921, เจ้าชาย คังนิน ทรงงานร่วมและสำเร็จราชการแทนจนถึงสมัยที่จักรพรรดิ ฮิโรฮิโตะ ขณะที่พระองค์เสด็จประพาสยุโรป. พระองค์ คังนินได้กลายเป็นนายพลที่ใหญ่ที่สุดในเหล่าทัพของกองทัพบกในวันที่ 1 ธันวาคม 1931เเทนที่ นายพล Kanaya Hanzo.
ระหว่างนี้พระองค์ได้รู้เห็นกับการฆ่าคนจีนในนานกิงและพระองค์ได้มีพระปรีชาที่จะใช้อาวุธเชื้อโรคในวันที่ 28 กรกฎาคม, 1937. และพระองค์มีหนังสือพระราชอนุญาติเล่มที่สองที่จะเปิดโรงงานเพาะเชื้อในฮาบิ้นและอีกหลายๆที่จนถึงเซี่ยงไฮ้ในปีเดียวกันวันที่ 11 กันยายน

ในวันที่ 11 เมษายน 1938 กองกำลัง หมายเลข 11 ได้ทำการโจมตีด้วยอาวุธแก๊สพิษในมองโลกเลียใน

ซึ่งพระองค์เป็นผู้ลงพระนามของพระองค์เอง

Monday, August 17, 2009

นายพลในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น Ōyama Iwao

โอยามะ อิวาโอะ
10 ตุลาคม 1842 - 10 ธันวาคม 1916 (อายุ 74 ปี)


นายพล Ōyama Iwao ระหว่างสงคราม รัสโซ-ญี่ปุ่น
สถานที่ชาตะ
คาโกะชิมา, แขวงสุทสุมะ, ญี่ปุ่น
สถานที่มรณะ
โตเกียว, ญี่ปุ่น
ทำงานให้
จักรวรรดิญี่ปุ่น
ปฏิบัติการและหน้าที่ๆรับผิดชอบ
ทหารกองจักรวรรดิญี่ปุ่น
ระยะเวลาที่ปฏิบัติ
1871 - 1914
ตำแหน่ง
หัวหน้ากองทัพบก 
สงคราม
กบฏซุทสุมะ
รางวัล
เหรียญดอกเบญจมาศ


งานอื่น
ราชองครักษ์รักษาส่วนพระองค์
ตระกูล Ōyama.
เจ้าชาย Ōyama Iwao, OM (大山巌, โอยามา อิวาโอะ, 10 ตุลาคม 1842 - 10 ธันวาคม 1916) ดำรงค์ตำแหน่งนายทหารของเหล่าทัพบก

พระราชประวัติ


ชีวิตในสมัยเด็ก

Ōyama was born in Kagoshima to a samurai family of the Satsuma han domain. A protegé of Ōkubo Toshimichi, he worked to overthrow the Tokugawa Shogunate and thus played a major role in the Meiji Restoration. He served as commander in chief of the Detached First Brigade during the Boshin War. At the Battle of Aizu, Ōyama was a commander at the Imperial Japanese Army's field artillery positions on Mount Oda. During the course of the siege, he was wounded by an Aizu guerilla force under Sagawa Kanbei.

Kimigayo

In 1869, the British military band instructor John William Fenton, who was then working in Yokohama as a o-yatoi gaikokujin, told the members of Japan's military band about the British national anthem "God Save the King" and emphasized the necessity of a similar national anthem for Japan. The band members requested artillery Captain Ōyama Iwao, who was well versed in Japanese and Chinese literature, to select appropriate words and Ōyama selected the poem which came to be used in Japan's national anthem kimigayo.

Military career

In 1870, Ōyama was sent overseas to the École Spéciale Militaire de Saint-Cyr in France to study and he was official Japanese military observer to the Franco-Prussian War. He also spent three years (1870-1873) in Geneva studying foreign languages, and became fluent in Russian. Ōyama Iwao is the first recorded Japanese customer for Louis Vuitton, having purchased some luggage during his stay in France. After promotion to major general, he went to France again for further study, together with Kawakami Soroku. [1]On his return home, he helped establish the fledgling Imperial Japanese Army, which was soon employed in suppressing the Satsuma Rebellion, although Ōyama and his elder brother were cousins of Saigō Takamori.
In the Sino-Japanese War, Ōyama was appointed Commander-in-Chief of the Japanese Second Army, which after landing on Liaotung Peninsula, carried Port Arthur by storm, and subsequently crossed to Shantung, where it captured the fortress of Weihaiwei.
For these services Ōyama received the title of marquis under the kazoku peerage system, and, three years later, he became field-marshal. In the Russo-Japanese War of 1904-1905 he was named commander-in-chief of the Japanese armies in Manchuria. After Japan's victory, Emperor Meiji elevated him to the rank of kōshaku (公爵 = prince). [2]


Statue of General Ōyama Iwao at Kudanzaka in Tokyo.

Political career

As War Minister in several cabinets and as Chief of Staff, Ōyama upheld the autocratic power of the oligarchs (genrō) against democratic encroachments. However, unlike Yamagata Aritomo, Ōyama was reserved and tended to shun politics. From 1914 he served as Lord Keeper of the Privy Seal.

Personal life



Sutematsu Ōyama at Vassar
Ōyama, who spoke and wrote several European languages fluently, also liked European-style architecture. During his tenure as War Minister, he built a house in Tokyo modeled after a German castle.
Although he was very pleased with the design, his wife did not like it at all, and insisted that the children's room be remodeled in Japanese style, so that they would not forget their Japanese heritage. [3]The house was destroyed by American air raids in World War II. Ōyama's wife Yamakawa Sutematsu (sister of former Aizu retainers Yamakawa Hiroshi and Yamakawa Kenjiro) was one of the first female students sent to the United States by the Empress of Japan in the early 1870s. She spent several years there, graduating from Vassar College in 1882.[4]
In 1906, Ōyama was awarded the Order of Merit by King Edward VII. His Japanese decorations included Order of the Golden Kite (1st class) and Order of the Chrysanthemum.
Ōyama died at age 75 in 1916. Ōyama was a very large man, and enjoyed large meals. His weight exceeded 95 kilograms, and his death is now attributed to complications arising from diabetes.

Monday, August 10, 2009

นายพลในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น Yamagata Aritomo

Yamagata Aritomo

แปลจาก Wikipedia

Yamagata Aritomo
山縣 有朋

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
วันเวลาที่ดำรงตำแหน่ง
24 ธันวาคม 1889 – 6 พฤษภาคม 1891
ยุคสมัย เมจิ












ชาตะ 14 มิถุนายน 1838(1838-06-14)
หมู่บ้านฮากิ, จังหวัดโตกุกาวะ
มรณะ 1 กุมภาพันธุ์ 1921 (อายุ 82 ปี)
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
กลุ่ีมพรรค เสรีนิยม
ปฏิบัติ
ทำงานให้กับ จักรวรรดิญี่ปุ่น
สาขา ทหารกองจักรวรรดิญี่ปุ่น
ช่วงเวลาที่ทำงาน
1868–1898
ตำแหน่ง ผู้สำเร็จราชการทหารบก
สงคราม สมรภูมิโบชิน
กบฏซัทสุมะ
สงครามชิโนญี่ปุ่น
สงครามรัสเซียญี่ปุ่น
ยศตำแหน่ง
ดาวจัตวา
เหรียญร่มสีทอง
ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งทหารราบกองจักรวรรดิ
เหรียญดอกเบญจมาศ

เจ้าแห่งการรบภาคพื้นดิน Yamagata Aritomo, (山縣 有朋), หรืออีกชื่อหนึ่งมีชื่อว่า Yamagata Kyōsuke,เคยเป็นผบ.สูงสุดของภาคพื้นดิน แห่งได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นด้วย

เขาเป็นหนึ่งในผู้ตัดสินใจที่จะปรับแต่งวิถีการรบสมัยใหม่ให้มันเหมือนกับโลกตะวันตก

Yamagata Aritomo เป็นผู้ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นบิดาแห่งการปฏิรูปสงคราม

เขาส่งเสริมการสู้รบแบบก้าวราวและรุนแรงจนเป็นผลให้เกิดสงครามโลกครั้งสองในที่สุด


ภูมิหลัง

Yamagata เกิดเป็นนักรบซามูไรชั้นต่ำของตระกูล Hagi, ซึ่งเป็นรัฐศักดินาแห่งแคว้น Chōshū (ปัจจุบันคือจังหวัดยามากุจิ). เขาไปที่

http://nippon-kichi.jp/kichiCnt/img/2892/2892_01_t.jpg

Shokasonjuku,

โรงเรียนเอกชนที่มีเจ้าของชื่อ Yoshida Shōin, ระหว่างสงครามโบชิน, การปฏิวัติในปี 1867 และ 1868 ทุกคนล้วนเรียกมันว่าการปฏิวัติเมจิ, เขาได้ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่

หลังจากโค่นล้มอำนาจโตกุกาว่าสำเร็จ, Yamagata พร้อมกับ Saigō Tsugumichi ได้ถูกเลือกให้เป็นหัวหน้าที่มีสิทธิที่จะไปยุโรปในปี 1869 เพื่อศึกษาเกี่ยวกับวิธีการจัดทัพแบบตะวันตก. Yamagata ได้ตัดสินใจไปเรียนที่ประเทศปรัสเซีย ด้วยเหตุผลรอบๆด้านไม่ว่าการอุตสาหกรรม การกสิกรรมอะไรทำนองนี้ทำให้เขาตัดสินใจที่จะไปปรัสเซีย พอเขากลับมาทำให้เขาได้สิทธิที่จะปฏิรูปวิธีทำสงครามใหม่และเขาไดกลายเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในปี 1873.

ดำรงตำแหน่งสงคราม

ในฐานะรัฐมนตรีสงคราม,ในปี 1877 Yamagata ได้ทำการทดสอบกองทัพที่ตนเองสร้างมันขึ้นมาใช้ถล่ม กบฏSatsuma ซึ่งเพื่อนเก่าแก่ของเขาได้ปกครองดูแลกบฏนี้อยู่, Saigō Takamori แห่ง Satsuma. ในตอนท้ายของสงคราม, เพื่อหัวของไซโกได้ถูกส่งไปให้Yamagata, เขาออกคำสั่งให้ล้างศรีัษะนั้นและเขาก็แขวนมันใว้บนแขนและประกาศเขาว่าเขาเป็นวีรบุรุษ.

ขณะเดียวกันเขาได้ถูกจักรพรรดิเมจิทรงตรัสให้่เขาเป็นนายทหารของสองเหล่าทัพในปี 1882.Yamagata ได้รับรางวัลเหรียญกล้าหาญแห่งกองทัพบกในปี 1898.

เขาได้แสดงศักยภาพของเขาอย่างมากใน สงคราม ชิโน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 1 ในฐานะนายพลอันดับแนวหน้าสุด ในสงครามรัสโซ-ญี่ปุ่น ดำรงตำแหน่งนายพลที่ใหญ่ที่สุดในสำนักงานราชการประจำกรุงโตเกียว

Feed up

Freebacklink